|
ไม่ว่าคนรวยหรือคนจนอาจจะมีเปลือกคนละอย่าง แตกต่างกันแต่ภายในนั้นล้วนต้องการพ้นทุกข์หรือต้องการความสุขสงบในจิตใจด้วยกันทั้งนั้น คนมีปัญญาหรือมีบุญจะเห็นก่อน คว้าก่อน แต่คนทั่วไปจะหลงระเหลิงอยู่ในเปลือกนั้น จนกว่า ความทุกข์จะมาเคาะประตู แล้วส่วนมากก็หมดเรี่ยวแรงที่จะหลีกหนีทุกข์เสียแล้ว....
ธรรมะพลิกชีวิตจาก "นักบินหญิง" สู่ "แม่ชี" เชื่อ "สุขที่แท้จริง" มีในร่มเงาพุทธศาสนา“เราไม่มีทางได้รู้เลยว่า นับจากนี้เวลาที่เราจะเหลืออยู่บนโลกมนุษย์นี้เท่าไหร่ อะไรก็ตามที่เราคิดว่าดี เราก็อยากจะทำให้เต็มที่ ไม่ว่าเราจะอยู่ในสถานะใด ทุกคนสามารถนำธรรมะเข้าไปผนวกใช้ในชีวิตประจำวันได้ แม้หลักศีลธรรมสำหรับชาวพุทธที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประทานสั่งสอนไว้ จะมีมากมายหลายระดับ ทั้งที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตประจำวัน และระดับที่สูงขึ้นไป หากพุทธศาสนิกชนทุกคนล้วนแต่ตั้งมั่นอยู่ในคำสั่งสอนของท่าน ย่อมบังเกิดความสงบสุขในการดำเนินชีวิต และในสังคมที่เราอาศัยอยู่อย่างแน่นอน” ---แม่ชี สิริมตี นิมมานเหมินท์--- หากชีวิตมนุษย์ในยุคนี้จะให้ความสำคัญกับความสุขทางโลกที่มี เงิน งาน ความรัก เป็นจุดศูนย์กลางแล้ว เชื่อว่าหลายๆคนก็คงจะพอใจกับภาวะเช่นนั้น แต่ยังมีอีกหลายๆคนที่มีความพร้อมทั้งสามสิ่งแต่ยังไม่หยุดที่จะแสวงหาความสุขที่เชื่อว่าเป็น “ความสุขที่แท้จริง” อย่างเช่น ชีวิตของ “สิริมตี นิมมานเหมินท์” หรือ “ติ๊บ” นักบินสอง บริษัทบางกอกแอร์เวย์ ที่วันนี้เธอเลือกที่จะแสวงหาความสุขที่ยั่งยืนด้วยการก้าวสู่ร่มธรรม แทนการใช้ชีวิตทางโลก ด้วยการ “บวชชี” • “บวชชี” เพื่อแสวงหาความสุขที่แท้จริง หลายๆคนคงตั้งคำถามสำหรับผู้หญิงที่จะก้าวสู่ร่มเงา พระพุทธศาสนาว่า เพราะเหตุใดผู้หญิงสวย หน้าที่การงานดี ชาติตระกูลดี มีความพร้อมในทุกๆด้าน เลือกที่จะไปบวชชี แทนการใช้ชีวิตที่แสนจะสุขสบายในทางโลก สิริมตีบอกว่า เดิมทีก็ใช้ชีวิตในสังคมอย่างคนทั่วๆไป คือเรียนหนังสือ จบแล้วหางานทำ แต่งงานมีครอบครัว และการใช้ชีวิตทางโลกเราก็จะให้ความสำคัญกับวัตถุมากกว่าด้านจิตใจ ทำให้เกิดความทุกข์และเราก็เที่ยวไปโทษคนอื่นๆว่าทำให้เราเกิดทุกข์ ชีวิตมันวนเวียนอยู่อย่างนี้จนอายุ 23 ปี ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อคุณแม่เสนอให้เราไปปฏิบัติธรรม และจากนั้นก็ปฏิบัติเรื่อยมา จนวันหนึ่ง เราเล็งเห็นว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เรา “จิตใจ” มีความสำคัญที่สุด ทำไมเราไม่ให้อาหารจิตใจเราอย่างเต็มที่เสียที โดยการแสวงหาความสุขที่แท้จริงซึ่งมันมีอยู่รอบๆตัวเรา นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจออกบวชชีของเธอไม่ได้เป็นโครงการใหญ่ที่คิดจะทำ ในช่วงนั้นเธอคิดแต่เพียงการแสวงหาความสุขให้กับจิตใจของตัวเอง และคิดว่าพระพุทธศาสนาจะเป็นคำตอบให้เธอดีที่สุด “แม่นาว” ซึ่งเป็นชื่อที่เธอใช้เรียกตนเอง ยอมรับว่าคนส่วนมากในสังคมไทยจะมองผู้หญิงที่ไปบวชชีว่าส่วนใหญ่แล้วเกิดจากความผิดหวังในการดำเนินชีวิต ทั้งชีวิตครอบครัว การงาน หรือแม้แต่เรื่องการเงิน แต่ตัว “แม่นาว” ไม่ได้พบกับปัญหาเหล่านั้น ตรงกันข้ามเธอมีพร้อมทุกๆอย่าง ทั้งครอบครัวที่อบอุ่น ชีวิตสมรสที่สมหวัง หน้าที่การงานที่ผู้หญิงน้อยคนจะมีโอกาสได้ทำ เพียงแต่มีโอกาสได้ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่อง จนได้เห็นสัจธรรมว่า ความตายอยู่แค่เอื้อม มนุษย์ทุกคนรู้แต่วันเกิด ไม่มีใครรู้วันตายของตัวเอง ทำให้แม่ชีได้คิดว่าจะทำอะไร อย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชีวิตตัวเอง
|