คุณคิดว่าคุณจะสามารถฆ่าคนพร้อมกันทีเดียวนับแสน โดยที่คุณไม่รู้จักเขาเลยได้หรือเปล่า คุณคิดว่าจะมีใครในโลกสามารถฆ่าเด็กทารก ผู้หญิงท้อง คนแก่ คนพิการ ชายหญิงทุกเพศทุกวัยหลายแสนคนโดยไม่เคยรู้จักกันได้ไหมมันเป็นไปได้แน่นอน และมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว วันที่ระเบิดปรมาณูลงที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ คนนับแสนต้องตาย บาดเจ็บ พิการทางกายและทางใจไปตลอดชีวิตดิฉันเคยสงสัยมาตลอด ว่าคนทำเขาทำได้ลงคอได้อย่างไร วันนี้ดิฉันถึงเข้าใจคนที่ทำแบบนั้นได้ เพราะเขาไม่เห็นคน ไม่เห็นชีวิต เขาไม่ได้มองผู้คนที่ฮิโรชิมา นางาซากิว่าเป็นคน มีเลือดมีเนื้อมีหัวใจ มีคนที่เขารักและรักเขามันง่ายที่จะสั่งการให้ทหารหยิบลูกระเบิดปรมาณูใส่เครื่องบินแล้วปล่อยมัน มันเป็นปฏิบัติการ เป็นชุด ตามระบบของการปกป้องตัวเองคุณอาจจะคิดว่า นั่นมันเรื่องไกลตัว แล้วในช่วงชีวิตหนึ่งเราอาจจะได้เห็นมันอย่างมากก็สักครั้งเราไม่โชคดีอย่างนั้นหรอกค่ะ ความเป็นจริงก็คือ มันเกิดขึ้นรอบตัวเราตลอดเวลา ผู้คนห้ำหั่นทำลายกัน เหมือนไม่เห็นว่าอีกฝ่ายหนึ่งมีชีวิตเราจะไม่สังเกตไม่รู้สึกจนกว่ามันจะเกิดขึ้นใกล้ตัวเรา กับชีวิตเรา หรือคนที่เรารักมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาบอกดิฉันว่า นายใหญ่ของเขาต้องลงมือทำบางอย่าง ซึ่งมีผลในการทำลายชีวิต ชื่อเสียง ความดีงามของคนหลายคน ด้วยเหตุที่ว่า เพราะกลัวว่าตัวเองและองค์กรจะดูไม่ดี ภาพลักษณ์ในสายตาคนอื่นจะเสียไป วิธีการที่ฉลาดที่สุดคือลงมือโจมตีทำลายผู้อื่นก่อน เพื่อดึงความสนใจออกไปจากตัวเองเหมือนกับที่คุณคิดจะเล่าความเลวร้ายของคนที่คุณไม่ชอบให้คนอื่นฟัง เพราะกลัวว่าฝ่ายโน้นเล่าก่อน คุณจะดูไม่ดี สำนึกฝ่ายดีของคุณจะดึงไม่ให้เล่า ไม่พูด แล้วฝ่ายโน้นก็จะว่าคุณก่อน แล้วคุณก็เสียหาย สิ่งต่างๆ ในชีวิตเป็นแบบนี้ จนคนมักจะเชื่อและเลือกที่จะทำร้ายผู้อื่นก่อน ก่อนที่จะถูกกระทำผู้ชายบางคนมีแฟนใหม่ ก็ออกมาแฉแฟนเก่า เพื่อปกป้องตัวเอง ไม่ได้มุ่งหวังจะทำลายแฟนเก่า แต่ก็เหมือนฆ่ากันทั้งเป็นผู้หญิงบางคน พอคนรักเขาไม่ได้รักตัวเอง ก็ทำลายชีวิตคนรักทุกวิถีทางจนย่อยยับไปคามือ มีเหตุผลมาสนับสนุนว่าการกระทำนั้นเหมาะสม สมควร"ทำเพราะรัก"เพราะเขาสมควรได้รับมันที่น่าตลกก็คือ เวลามีเหตุการณ์การทำลายกันเกิดขึ้น เราจะสนใจข่าว รายละเอียด สีสัน ด้วยกิเลสตัวเล็กๆ ในใจที่เรามองไม่เห็น ว่าเป็นความสนใจที่จะเห็นชีวิตผู้อื่นย่อยยับไป ลองสังเกตใจตัวเอง เวลาเปิดคอลัมน์ซุบซิบสังคมดูก็ได้เรามัวสนใจข่าว เรื่องราว สีสัน จนลืมมองย้อนทวนกลับไป แล้วถามตัวเองว่า การที่คนๆ หนึ่งทำร้าย ทำลายคนอื่น ถูกต้องเหมาะสม ดีงาม เป็นแบบแผนที่ดีแล้วหรือศาสนาความเชื่อของเรา สอนให้เราทำแบบนั้น หรือห้ามเราไม่ให้ทำอย่างเด็ดขาดหลายคนมีข้อแก้ตัวให้ตัวเองว่า คนๆ นั้นสมควรได้รับการทำร้ายทำลาย แต่ความจริงก็คือ เราไม่มีทางรู้ หรือเข้าใจเหตุการณ์เบื้อหลังอะไรจริงๆ จนมั่นใจได้มีนิทานเล่าว่า ในประเทศด้อยพัฒนาแห่งหนึ่ง ประธานาธิบดีออกมาไล่เบี้ยโจมตีขับไล่รองประธานาธิบดี เป็นเรื่องราวใหญ่โต ไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดจากหลังบ้าน-ภรรยาของทั้งสองฝ่ายแย่งกันซื้อกระเป๋าหนังจระเข้ แล้วภรรยารองประธานาธิบดีได้ไป ภรรยาประธานาธิบดีถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องเอาคืนโจมตีก่อน แล้วเดี๋ยวเหตุผลว่าสมควรทำก็ตามมาเองเวลาเราเห็นชีวิตเยอะๆ เราจะประหลาดใจเสมอ ว่าเหตุผลที่อ้างหน้าฉากกับเหตุผลที่แท้จริงเบื้องหลัง มันคนละเรื่องกันเวลาเราเห็นประเทศมหาอำนาจลุกขึ้นมากีดกันทางการค้า ด้วยเหตุผลว่าประเทศเล็กๆ นั้นไม่รักษาสิ่งแวดล้อม คุณคิดว่าเหตุผลที่แท้จริงจะเป็นอะไรหรืออเมริกาต้องโจมตีอิรัก เพราะอิรักมีอาวุธที่เป็นอันตรายต่อโลกจริงหรือเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตเป็นเรื่องตลกสิ้นดีเวลาเราเห็นการโจมตีทำลายล้างกันระหว่างประเทศ บริษัท องค์กร ระหว่างศาสนา ความเชื่อ สำนัก หรือระหว่างบุคคล มีเหตุผลลับที่บอกใครไม่ได้เสมออันที่จริง เพียงแค่เราเห็นคนเป็นคน เป็นชีวิต มีเลือดเนื้อ มีความรู้สึก มีชีวิตจิตใจเพียงเราสัมผัสได้ว่าเขาก็มีความรู้สึก เจ็บปวดได้เหมือนกับเรา เราก็จะทำลายชีวิตใครไม่ลงไม่ว่าคุณจะเจอกับอะไรมาบ้าง ถ้าคุณลุกขึ้นมาทำลายล้างคนอื่น คุณเป็นจำเลยหมายเลขหนึ่งทันทีหยุดฮิโรชิมา นางาซากิในใจเสียแต่ตอนนี้แล้วเราจะมีบางอย่างที่อบอุ่นมั่นคงอยู่ภายในใจตลอดไป http://www.i-am-image.com/column/dec2007/life.htmlจากหนังสือ IMAGE ฉบับ เดือน พฤศจิกายน 2550