watkaeng |
04-08-2010 10:12 |
การนอนถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด...เพราะว่าร่างกายและจิตใจนั้นได้พักผ่อน สมัยก่อนคนเราที่ยังไม่มีไฟฟ้าเครื่องอำนวยความสะดวกก็ไม่ค่อยมีเมื่อหมดแสงตะวันแล้วก็จุดไต้ตามไฟหรือจุดตะเกียงกินข้าวแล้วก็นอนเราจึงมีเวลานอนมากร่างกายก็พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่คนสมัยใหม่ สมัยยุคนีออน เมื่อมีไฟฟ้าเข้ามาเราก็มีงานทำมากมาย ทำงานแบบหามรุ่ง หามค่ำ แล้วยังมีการรื่นเริงเที่ยวกลางคืนอีก จนระบบของร่างกายสับสนว่า...กลางคืนหรือกลางวันแน่ ระบบของร่างกายก็รวน จนภูมิต้านทานโรคก็อ่อนแ่อ ทำให้หลายคนเป็นโรคแปลก หรือแม้กระทั่งเป็นมะเร็งก็มี...ฉะนั้นที่ไรยาวมานีีก็ไม่ใช่อะไร ก็อยากให้เห็นความสำคัญของการนอน คือรู้จักนอน หรือนอนเป็นนั่นเอง...เหมือนคนที่กินไม่เป็น กินทุกอย่างที่ขวางหน้า...แล้วเป็นไง เป็นโรคอ้วงมั่งล่ะ....เป็นโรคแล้วกับทางเดินอาหาร ลำไส้ ฯลฯ อะไรอีกมากมาย เหมือนการนอน การนอนเป็นคือนอนแล้วก็คือนอน ไม่ใช่ว่า...นอนแล้วเอาเรื่องอะไรมากมายมาสุมไว้ในหัว สุดท้ายก็นอนไม่หลับ..เมื่อเรื้อรังก็ต้องพึ่งยานอนหลับ...จนสุดท้ายก็ติดยา..นอนหลับ การทำสมาธินอนเรียกว่า นอนเป็น คือเมื่อนอนแล้วต้องสลัดเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นอดีต และอนาคตไว้ข้างนอก อยู่กับปัจจุบัน แล้วก็ปล่อยวาง ก็จะหลับไปเองแล้วร่างกายก็พักผ่อนอย่างเต็มที่เลย...วิธีการทำสมาธินอนก็ไม่ยากอะไร แต่จะทำจนเป็นนิสัยนั้นออกจะยากซักหน่อย...คือหลังจากเราไหว้พระสวดมนต์พอสบายใจ ยึดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว..ก็ทำสมาธิ มากน้อยก็แล้ววแต่เวลาเราก็ล้มตัวลงนอน..โดยที่ใจเราอยู่ที่การภาวนาหรืออยู่ที่ลมหายใจ ไม่ว่าจเป็นหายใจเข้าภาวนาว่าพุท หายใจออกว่าภาวานาว่าโธ หรือหายใจเข้านับ ๑ หายใจออกนับ๑ หายใจเข้านับ๒ หายใจออกนับ๒ เรื่อยไปจนกว่าจะหลับ...พยายามปล่อยผ่อนคลายร่างกายเราสบาย นอนเหมือนคนตาย ไม่อินังขังขอบอะไร..ไม่นานก็จะหลับอย่างสบาย...แล้วจะเป็นการหลับอย่างที่ร่างกายได้พักผ่อนที่สุด เทวดาคุ้มครอง ฝันดี ทำบ่อย ๆ จนใจเรารู้และชิน พอนอนก็จะนอนจริง ๆ ไม่คิดอะไร.....จบจ้า....เหนื่อย.... |
|