เปลี่ยนธีมขยายหน้าจอ
  • 4101เข้าชม
  • 2ตอบกลับ

นิราศ ยาตราสู่แดนพุทธภูมิ [คัดลอกลิงค์]

ถอยกลับ ถัดไป
ออฟไลน์ songkran

UIDผู้ใช้ลำดับที่ 20

เพศ : ไม่ระบุเพศ

 โพสต์ : 77

 สำคัญ : 0

 เงิน : 80 (บาท)
 ความดี : 76 (แต้ม)
 เครดิต : 79 (แต้ม) [เติม]
 จิตพิสัย: 1 (แต้ม)
เหรียญ

ดูเหรียญทั้งหมด

เฉพาะโพสต์แรก จากล่างขึ้นบน เครื่องมือ ลิงก์โพสนี้   โพสต์เมื่อ: 2013-10-30 20:08:39: 2013-10-30 จำนวนผู้เข้าชม: 4101 ท่าน
— หัวข้อนี้ถูกเน้น โดย PNUTBUTTER เมื่อเวลา (2013-11-02) —
  

    

                                          


                                                นิราศยาตรา สู่แดนพุทธภูมิ

เมืองอินเดีย เมืองในฝันวันเป็นเด็ก                               เมื่อยังเล็กเป็นเณร เคยฝันไว้
ว่าสักครั้ง จักไปเมื่อเติบใหญ่                                           ก็สมใจวันนี้  สี่สิบปี
ความใฝ่ฝัน ครั้งนี้ ที่สมหวัง                                             เพราะพลังศรัทธา น่าสรรเสริญ
จากโยมจิน- ตนา พามาเดิน                                            ยาตราเพลินสู่แดน พุทธภูมิ
ผู้ร่วมคณะ พระหนึ่งโยมอีกสาม                                    ดังรายนามจะชี้แจง แถลงไข
หนึ่งพระมหา สงกรานต์เบิกบานใจ                              สองสามไซร้คุณเฉลียว  และผู้พัน (พันเอกประสิทธิ์)
นามที่สี่ ใจดี มีเมตตา                                                      ผู้นำพาสมหวัง ในครั้งนี้
คือโยมจิต  -ตนา พักเรือนดี                                            เป็นผู้มี บุญญา พามาชม
สองโมงเช้า ๑๙ ตุลาคม(๒๕๕๖)                                  หลายคนชมชื่นใจ อยากตามส่ง
บ้างให้เงิน ให้ของ  ต้องประสงค์                                   เจตน์จำนง  ส่งไป เมืองอินเดีย
คืนสิบเก้า  ห้าทุ่ม กลุ่มพุทธอาสา                                  ศิษย์อาตมาตามส่ง  ถึงสนาม (บิน)
ขอขอบใจ ทุกท่าน ที่ติดตาม                                          ขอให้งามตามธรรม พระสัมมา
ถึงสนามบิน ตีสี่ที่นัดหมาย                                            พบสหายเดินทาง ร้อยชีวิต (๑๓๒)
เช็คโน่นนี่  วีซ่า  ที่นำติด                                               ว่าถูกผิดมากน้อย แล้วค่อยไป
หกโมงเช้า ขึ้นเครื่อง เตรียมออกบิน                               พอได้ยิน  เสียงประกาศ คาดเข็มขัด
เสียงเร่งเครื่อง เร็วจี๋  เต็มพิกัด                                         ใจอึดอัด  กังวล  พ้นพื้นดิน
หัวชี้ฟ้า ทะยานไปในเวหา                                             มองลงมาสูงลิบตา น่าใจหาย
พอขึ้นฟ้า  เหนือเมฆ จิตสบาย                                        เหมือนหนึ่งตายแล้วเกิดใหม่ ในนภา
อาหารเช้า  มื้อแรก กลางเวหา                                        บนนภา  ฟ้าใส  ไร้หมอกควัน
มีปุยเมฆ  ขาวนุ่ม ชุ่มชีวัน                                               ช่างสุขสันต์  ดุจสวรรค์ หรรษาเอย
แอร์โฮสเตท สาวแขกแปลกแต่สวย                               แถมยังรวยรอยยิ้ม โอ้อิ่มใจ
เดี๋ยวน้ำชา  กาแฟ  เดี๋ยวผัดไท                                         อบอุ่นใจไร้กังวล ในหนทาง
อยู่บนฟ้า เหนือเมฆ  ถึงสี่ชั้น                                           ไม่มีวัน  ชมนก หรือชมไม้
เห็นแต่หมู่  เมฆา  ล่องลอยไป                                         สู่จุดหมาย ปลายทาง ของสายลม
แปดโมงครึ่ง ถึงอินเดียโกลกาต้า                                   ลงจากฟ้าสู่ดินแดน  แห่งความฝัน
แค่หลับหลับ ตื่นตื่นไม่ถึงวัน                                         นี่ตัวฉันอยู่ดินแดน พุทธภูมิ
เดินทางต่อ ถ่อสังขาร ด้วยยานบัส                                  มุ่งเลาะลัดตัดทาง ให้ถึงที่
พุทธคยา  คือจุดหมาย  แหล่งความดี                              ต้นพระศรี-  มหาโพธิ์ ที่รอคอย
สองทุ่มถึง เป้าหมายที่ตั้งไว้                                           ถึงวัดไทยวัดป่า พุทธคยา
เข้าที่พัก อาบน้ำพักผ่อนหนา                                         รุ่งเช้าหน้าพานาค ไปบวชเณร
คุณเฉลียว พร้อมนาค  อีกแปดท่าน                                ศรัทธานั้นมั่นคง ไม่หวั่นไหว
ก็อุตส่าห์  เดินทาง จากเมืองไทย                                    ไกลแสนไกล ไปบวช ยังอินเดีย
บวชเป็นเณรใต้โพธิ์พระ  ศรีมหาโพธิ                           บ่ายเข้าโบสถ์ บวชพระวัดป่าไทย (พุทธคยา)
บวชพระเสร็จ สามโมงเร่งตรงไป                                 เที่ยวใกล้ไกล  บ้านนาง  สุชาดา
มองเห็นที่ พระศาสดา ประทับนั่ง                                  เป็นบัลลังค์ก่อนวิมุติ ผุดผ่องศรี
สุชาดา เข้าใจว่า เทพเทวี                                                จึงทำพลี ถวาย  แด่องค์ธรรม
ก้มลงกราบ ปลาบปลื้มบนพื้นดิน                                 อันเป็นถิ่นดินแดน พระบิดา
ทันทีที่  ศีรษะ จรดพสุธา                                                ปีติหนาพาจิต ให้เปลี่ยนไป
เคยตั้งจิต คิดว่า ขอเพียงครั้ง                                           แต่พอนั่งลงกราบ ก็ซาบซึ้ง
จากที่เคย คิดว่า ขอเพียงหนึ่ง                                          พลันคิดถึง ใครต่อใคร  อยากให้มา
อยากให้มา สัมผัสด้วยกายใจ                                          อยากให้ไปสัมผัส ให้ถึงที่
อยากให้เกิด  บุญญา บารมี                                              อยากได้ดี  ต้องไป ที่อินเดีย
พอพลบค่ำ ถึงฝั่งเน- รัญชรา                                           เข้าวันทาหาดทราย ที่ยาวเหยียด
นึกถึงองค์ ศาสดา ผู้สูงเกียรติ                                          ผู้มีจิต  อันละเอียด แลผ่องใส
ณ ริมฝั่ง นที ที่แห่งนี้                                                       องค์มุนี  เห็นเหตุ แห่งโพธิ
เร่งดำเนิน เดินไปตามดำริ                                               พบสุทธิปัญญา พาสุขใจ
พอขึ้นฝั่ง นที ที่ตรงนั้น                                                    ก็กลับพลันที่พัก ปักหลักต่อ
เป็นสองคืน ที่เก่า เล่าย่อย่อ                                               ดังจะขอย้อนกลับไป ใต้ต้นโพธิ์
ณ โคนโพธิ์  คืนนี้  เราทั้งผอง                                           เฝ้าประคองดวงจิต ไม่ผิดหวัง
ได้ทั้งบุญ ทั้งกุศลและพลัง                                              สมใจดั่ง  ที่มา น่าปลื้มใจ
ตื่นแต่เช้า มุ่งพิชิต คิชกูฎ                                                  สูงชลูด  ๗๕๐( M.) พูลสวัสดิ์                        
ถึงจะเมื่อย เหนื่อยไม่ท้อ ขอนมัสฯ                                   ด้วยสองหัตถ์ วันทา ของข้าเอย                                        
บางคนแทบ ตะกาย  คล้ายลิงผา                                      ทำทีท่า  ว่าจะแย่  แพ้สังขาร                                            
นึกถึงองค์  ศาสดา  พาเบิกบาน                                        แม้ล้มลุกคลุกคลาน ก็ผ่านไป                                          
เป็นความเหนื่อย  ที่คุ้มค่า  มหาศาล                                  เป็นการงาน ก็คุ้มค่า แก่กำไร                                          
จะไม่ว่า ชาตินี้ หรือชาติไหน                                           บุญจะติด  ตัวไป ทุกชาติเอย                                            
ลงจากเขา เข้าวัดไทยสิริราช (คฤห์)                                เหมือนอย่างผู้ ประกาศ ชัยชนะ                                  
ชิตังเม ชิตังเมพวกเราจะ                                                  เอาชนะใจตนเป็นคนจริง                                                 
เข้าถึงที่  พำนัก พักพิงใจ                                                  ได้อาศัย  ร่มเงา ศาสนา                                    
มีพระสงฆ์  องค์เณร ท่านเมตตา                                      เลี้ยงข้าวปลาอาหาร ทานเที่ยงวัน                  
ก่อนจากไป ไม่ลืมพระคุณข้าว                                        ที่พวกเรารอดตาย สหายเอ๋ย                                            
เร่งทดแทน ค่าข้าวไม่ละเลย                                            มิเฉยเมย   ทอดผ้าป่า  ถวายไป                                       
ออกจากวัด ไทยสิริ  ดำริไป                                             วัดป่าไผ่  วัดแรก  ที่แปลกหนา                                        
มีแต่ไผ่ไม่มีโบสถ์ โกฏิศาลา                                           เป็นวัดแรกในศาสนา สาธุการ
ออกจากวัด เดินลัดไป โปธาราม                                  ชมความงาม ตามครรลองของวิถี                  
ดูหนุ่มสาว อาบน้ำหุ่นดี้ดี                                               วรรณะที่ดีอยู่บน ต่ำอยู่ล่าง                                              
เป็นที่อาบน้ำศักดิ์สิทธิ์ อันเหลือเชื่อ                                อาบไม่เบื่อ  เป็นเวลา มาพันปี                        
ความโชคร้าย  มลายสิ้น ทั้งอินทรีย์                                 กลับโชคดี มีสุข ทุกคืนวัน                                                
เป็นความเชื่อ ของเขาเราไม่เกี่ยว                                    เราพวกเสี่ยว เที่ยวต่อ  ถ่อสังขาร                                    
ไปมหาลัย นาลันทาอันตระการ                                      และไปบ้าน  พระสารี ศรีมงคล                                      
นั่งสวดมนต์ ตั้งจิต อธิษฐาน                                           ขอให้การดำเนิน ของชีวิต                                              
มิสติ ปัญญา รู้ถูกผิด                                                         แม้น้อยนิดก็ยังดี กว่าไม่มี                                
อธิษฐาน    เสร็จสรรพ  กลับรถม้า                                  อาชาพาวิ่งฮ้อ ล้อสะบัด                                                    
ไปวิหาร  พ่อดำ ทำฟิตฟัด                                                ยุงก็กัด ฟัดกันยุ่งมุ่งขอพร                                
เรื่องของม้า  คนไม่เกี่ยว ประเดี๋ยวเถอะ                           เขียนเลอะเทอะ  เจอะอะไร ก็ไม่เว้น                            
อย่าเพิ่งโกรธ  ฉันกำลัง  จับประเด็น                                เพื่อจะเค้น เน้นทุกตอน  ไว้สอนคน                            
มาอินเดีย ต้องอดทน คนทุกท่าน                                     เดี๋ยวเรื่องนั้นเรื่องนี้ มีปัญหา
แต่ถ้าหาก  มองให้เห็น เป็นปัญญา                                  จักนำพา พ้นทุกข์ สบสุขเอย                                            
ได้ขอพร พ่อดำ ทำเสร็จกิจ                                              เป็นนิมิต เครื่องหมาย  คลายโศกเศร้า
เพราะองค์ดำ  ศักดิ์สิทธิ์  ฤทธิ์ไม่เบา                               เป็นพระเก่า  พันพันปี   มีมานาน                
ขอพรเสร็จ กลับวัดไทยนาลันทา                                   ถึงเวลา  ต้องพัก สักทีแล้ว
ตื่นแต่เช้า  ทานข้าวต้ม นมหนึ่งแก้ว                               เณรเข้าแถว  บิณฑบาต ไม่พลาดบุญ                              
เช้าวันนี้  เร่งรีบ เป็นพิเศษ                                               เพราะมีเหตุ  ต้องเดินทาง ไกลแสนไกล
จำต้องจาก  นาลันทา เพื่อจะไป                                      สู่เมืองใหญ่    กุสิ –   นาราเอย        
เมืองสุดท้าย  ที่พระองค์ ทรงพำนัก                                 เมืองแห่งรัก  และอาลัย  ใครทั้งผอง                              
เป็นเมืองที่ สูญเสียน้ำตานอง                                          เป็นเมืองของ   มัลละ  กษัตรา                        
จะขอกล่าว หนทาง ก่อนไปถึง                                       สุดซาบซึ้ง น้ำตาไหล ไกลแสนไกล                
วิ่งลัดเลาะ ตัดทุ่งหญ้า ผ่านนาไป                                   โค้งน้อยใหญ่ ไม่สน เราคนจริง                      
แม้ถนน จะสุขุม หรือหลุมลึก                                          เราผ่านศึก มาได้  ไม่หวั่นไหว
เพราะเรามี  ทีมงานเก่ง  เจ๋งถูกใจ                                   ไปทางไหนก็ปลอดภัย ไร้กังวล                      
ขอจงเชื่อ ในฝีมือ  ของเขาเถิด                                         จะได้เกิดสบายใจ ไร้ปัญหา                            
หากกังวล บ่นไป ไม่ภาวนา                                             ก็จะพาปัญญาหด หมดสุขเอย                        
ถึงกุสิ-  นารา  ปาตีสอง                                                    โอ้พี่น้อง  ร้องหา หมอนอยู่ไหน                    
ได้ที่พัก  ข้าวปลา ไม่ใส่ใจ                                               บ้างฝักใฝ่ กินหรือนอน ตอนนี้ดี      
มาถึงที่  ดีใจ  ไร้ปัญหา                                                    ได้ที่นอน  หรูหรา พาสดใส                            
เหมือนโรงแรม  มีระดับ ประทับใจ                                 ถ่ายรูปไว้  คุยโว  โอ้อวดคน                            
ได้มาถึง  ยังสถาน  นิพพานขันธ์                                      เป็นที่อัน พระศาสดา  สั่งสอนไว้                  
ว่าทุกท่าน  อย่าประมาท  เพลิดเพลินใจ                           ซาบซึ้งในพระเมตตา กรุณา            
กราบวิหาร มายา พาให้คิด                                               สิ่งใดผิด  เร่งละ อกุศล
รีบทำดี ให้เกิดศรี  มิ่งมงคล                                              รีบฝึกตนให้หลุดพ้น ตายก่อนตาย
กราบสถูป  มกุฎ-  พันธนะ                                               จงเร่งละ  ความประมาท ขาดสติ                    
หมั่นสวดมนต์ ภาวนา สมาธิ                                            หมั่นดำริ  อยู่ในธรรม ทุกค่ำคืน                                     
ได้สติ  ปัญญา  มาอินเดีย                                                  แม้อ่อนเพลีย เสียตัง ได้ยั้งคิด                                        
ได้ทั้งบุญ ทั้งกุศล  ผลทางจิต                                           ได้รู้ถูก  รู้ผิด อนิจจัง                                                          
ออกจากเมือง  กุสิ-  นารานั้น                                            มุ่งหน้าพลัน สู่เนปาล  สถานเกิด                                  
แวะข้างทาง  ๙๖๐ สุดดีเลิศ                                              แสนประเสริฐ ทานโรตี  อรีดอย                                     
จะเข้าเมือง  เนปาล  ผ่านด่านก่อน                                   อย่าใจร้อน  ต้องรอ และคอยได้                                      
ใช้ขันติ  ทมะ รักษาใจ                                                    ก็ผ่านไป ด้วยดี สวีดัส                                                      
ถึงเนปาล  พักกุฏิ กรรมฐาน                                           สุขสำราญ  เย็นฉ่ำ ค่ำคืนนี้                                              
ได้ซื้อพระ Buddhaน้อย  ร้อยรูปี                                      หมดแล้วสิ  สตังค์ นั่งกลุ้มใจ                                          
ตื่นแต่เช้า  เข้าสวน ลุมพินี                                             เป็นจุดที่  กำเนิด กุมารา                                  
ขอทุกท่าน  จงพินิจ พิจารณา                                        ว่าเรามา  ตรงนี้  ได้อะไร                                                  
ออกเนปาล  ผ่านที่เก่า  ๙๖๐                                           แสนอาดูร  ตอนไป  ไม่ได้ฉัน                        
แผ่นโรตี  อารีดอย คอยรุ่งวัน                                         ขากลับนั้น  ฉันเต็มที่ สี่แผ่นเลย                                    
จากเนปาล  มุ่งหน้า สาวัตถี                                           เมืองที่มี  เศรษฐี อนาถะ                                                  
ผู้ศรัทธา  สร้างวัด ถวายพระ                                          ผู้ลดละ  เป็นโสดา น่าชื่นชม                          
ก่อนเข้าวัด  เชตวัน วิ่งเลยผ่าน                                       เข้าสถาน  ดินแดน แสนมงคล                                      
ได้ชื่นชม  สมใจ  ใครทุกคน                                           สุขมากล้น  กลับมา หาที่นอน
พอถึงที่  วัดไทย เชตวัน                                                 ที่พักนั้น เต็มหมด  เกือบอดนอน                  
เพราะมีทัวร์  เพื่อนไทย  ไปถึงก่อน                                ต้องแยกนอน สามวัด  จัดกันไป                                    
บ้างนอนวัด  เกาหลี หนีปัญหา                                      บ้างไปนอน  วัดพม่า น่าสุขสม                      
พระนั้นหนา  นอนวัดไทย ใจตรอมตรม                         แสนระทม ขมขื่น  ฝืนอดทน                                         
น้ำไม่ไหล ไฟสลัว  แถมกลัวงู                                       ท่านก็รู้  อยู่ในป่า น่าสยอง                            
นอนกลางดิน  ถิ่นงูเห่า  เข้าทำนอง                               สุดท้ายต้อง  ภาวนา  ตายเป็นตาย                    
หากว่าตาย  ในดินแดน สมเด็จพ่อ                                ก็จะขอ  ภูมิใจ ในครั้งนี้                                                  
อาจเป็นเพราะ  ฟ้าประสงค์ ปลงชีวี                             หรือบางที  อาจเห็น เป็นชะตา                                       
ตื่นแต่เช้า  จัดขบวน ชวนไปวัด                                   เชตวัน  ที่ฝึกหัด ดัดกายใจ                                              
พบองค์พระ  สัมมา  พาสดใส                                        เดี๋ยวนี้ไซร้  เหลือแต่กุฏิ และซากตอ                            
แม้ไม่เจอ  พระองค์ท่าน อย่าเศร้าโศก                           ยังมีโชค  พบโพธิ์ พระอานนท์                                      
ท่านอุตส่าห์  ห่วงใย สาธุชน                                         ปลูกให้ยล  ทดแทน  พระสัมมา                                      
ได้เวลา  ย้ายเมือง แล้วท่านจ๋า                                       เมืองพารา-  ณสี  เป็นที่หมาย                                          
กว่าจะถึง  จงหลับ ให้สบาย                                         พักผ่อนกาย  ผ่อนใจ ให้ว่างเอย                                      
พอไปถึง  ครึ่งทาง ยางชำรุด                                         ล้อสะดุด  กุกกัก ต้องพักก่อน                                        
ถอดล้อเก่า  ใส่ล้อใหม่ ช่างแน่นอน                              ไม่ต้องวอน  ไหว้ใคร ให้ช่วยเลย                  
เปลี่ยนล้อเสร็จ  วิ่งฮ้อ ล้อหมุนติ้ว                                 เหมือนลอยลิ่ว  ปลิวระร่อง ว่องไวจี๋                              
ก็มาพัก  ระหว่างทาง กลางวิถี                                      ทานจะปะตี  กะรัมจาย  หายอ่อนแรง          
ก่อนเข้าเมือง  พารา-  ณสีนั้น                                          ก็เหลือบพลัน  ทันเห็น นิลกาย                                      
ตัวเหมือนม้า  หน้าเหมือนกวาง  หางเป็นลาย                 เห็นบั้นท้าย  เห็นหน้า จำติดตา
นั่งบัส Four ( ๔ ) โอ้โห แสนระทึก                               โชว์เฟอร์คึก  เหยียบใหญ่ ไม่เหลียวหลัง    
อาตมา  นั่งหน้า สวดพุทธัง                                            คนนั่งหลัง  หลับสบาย ตายชั่งมัน                                
การเดินทาง  ไปอินเดีย ในครั้งนี้                                   หลายคนที่  เหนื่อยล้า อย่าชิงชัง                                    
นึกถึงองค์  พระสัมมา เมื่อครั้งหลัง                               องค์พระยัง  เมตตา  เดินโปรดเรา                                  
ไม่ขึ้นรถ  ไม่ขึ้นม้า เดินฝ่าดง                                        ลุยป่าพง  หญ้าเขียว เดี่ยวก็เคย                                        
สี่สิบห้า  พรรษา  ไม่ละเลย                                             ของเราเฮ้ย  แค่ ๙ วัน หวั่นทำไม                                  
ของเราเหรอะ  ข้ามทะเล ก็ขึ้นเครื่อง                              กลายเป็นเรื่อง  ง่ายดาย สหายเอ๋ย                                  
จะเข้าป่า  ฝ่าดง  รถมาเกย                                              แสนเสบย   สุขสบาย แค่ ๙ วัน                                      
ผ่านพารา-  ณสี    มีทุกอย่าง                                            มีทั้งห้าง  ข้างซ้ายขวา ทันสมัย                                      
แต่ละอย่าง  เลิศหรู  ถูกฤทัย                                          แต่ปัจจัย  ไม่พอ ขอแค่ดู                                                    
ถึงวัดไทย สารนาถ  คาดไม่ถึง                                       สองทุ่มครึ่ง  ถึงที่พัก เข้าหลักชัย                                    
ทานข้าวปลา  อาหาร  พอปราศรัย                                  แสนอาลัย ไปต่อ  เก็ตเฮ้ารอ                             
ถึงเก็ตเฮ้า  กว่าจะเข้า ที่พักได้                                      ต้องโยกย้าย  หลายขบวน ชวนสับสน          
เดี๋ยวห้องนั้น ห้องนี้  ดูวกวน                                         กลายเป็นคน  เป็นผี ไม่มีศาล                                        
ตื่นตีห้า  มุ่งหน้า ไปแม่น้ำ                                            ไปตามคำ  เล่าขาน นานพันปี                                        
คือแม่น้ำ  คงคา  มหานที                                               เป็นน้ำที่  ศักดิ์สิทธิ์ มีฤทธา                                            
บ้างก็อาบ   ดื่มกิน สิ้นกังขา                                         แต่ทว่า  ตัวเรา ไม่เอาแน่                                  
เพราะศรัทธา ของเขา  มีเก่าแก่                                      เรียกว่าแม้  ตายที่นี่  ก็ดีใจ                                                
ได้ล่องเรือ  ลอยประทีป ในคงคา                                 ได้บูชา  พุทธองค์ อีกวิถี                                                  
ได้สัมผัส  แม่คงคา ก็คราวนี้                                         แตะนทีที่  ศักดิ์สิทธิ์ มานิดนึง        
ได้เห็นฝั่ง  คงคา  คล้ายป่าช้า                                         ซึ่งเป็นท่า  เผาผี  มีให้เห็น                                                
เผาคนตาย  กลายเป็นเถ้า เช้าจรดเย็น                            ที่ท่านเห็น  เป็นเวลา นับพันปี                      
อนิจจัง ทุกขัง  อนัตตา                                                   เราท่านหนา  เกิดมา ก็เท่านี้                            
เดี๋ยวก็สุข  เดี๋ยวก็ทุกข์ อย่าโศกี                                     เพราะชีวี  ก็เป็น เช่นนี้เอย                                              
ขึ้นจากฝั่ง  คงคา  ไปสารนาถ                                        ที่ประกาศ  ศาสนา  เป็นครั้งแรก                    
หลายคนเห็น เมกสถูป เป็นของแปลก                           ว่าเอ๊ะแขก  สร้างอะไร ใหญ่จุงเบย                
เรื่องแรกแรก  เกิดที่นี้ สารนาถ                                      พระอาจารย์  ท่านประกาศ ไม่ขาดสาย        
เดี๋ยวเรื่องนี้  เรื่องนั้น ท่านบรรยาย                                 และสุดท้าย  ก่อนจากไป ให้สวดมนต์          
เสร็จสังเว (ชนียสถาน) สุดท้าย  เตรียมย้ายกลับ             เป็นความลับ  ประทับใจ  ในความหลัง        
เขียนเอาไว้  เล่าให้คน ที่บ้านฟัง                                    เผื่อเขามั่ง  วันหน้า อยากมาทัวร์                    
ก่อนจะกลับ  ชอปปิ้ง ซิ่งกันใหญ่                                 ซื้อของไป  ฝากเขา ฝากเราบ้าง                                      
เดินตลาด  พุทธคยา ต้องปล่อยวาง                               เพราะแขกอ้าง  จำได้จารย์  ฉันจำได้                            
ซื้อของใหม่  ลืมของเก่า เอ้านุงนัง                                ทั้งของฝาก  ของฝัง  ก็มากมาย                                      
ต่อกันแหลก   เวลาแขก มาบอกขาย                             ทำเบี่ยงบ่าย   แต่อยากได้ ทุกอย่างเลย          
แหมบางที  เสียท่าแขก มาหลอกขา                              อย่าเสียดาย  เราพอใจ ซื้อไปเถอะ                  
อาตมา  เห็นผ้าขาว ไม่เลอะเทอะ                                  ซื้อไปเยอะ  ฝากสาวสาว ที่เมืองไทย                             
ได้ของฝาก  อัดแน่น ในกระเป๋า                                   ทั้งใหม่เก่า  เสื้อผ้า และอาภรณ์                                      
เอ้านั่นร่ม  ผ้าห่ม เครื่องหลับนอ                                   จะเอาซ่อน  ซุกตรงไหน ซวยละวา                              
นั่งหันซ้าย  หันขวา คว้าร่มมา                                      ร่มนั้นหนา  ตอนนี้ จำเป็นไหม                    
ไม่เอาแล้ว  ของเยอะ ทิ้งร่มไป                                     ไม่อาลัย   ลากกระเป๋า  เข้ารถทัวร์
เช้าวันนี้  ถูกนิมนต์ ไปบัสสาม                                     เราก็ตาม  ใจเขา  เหมือนใจง่าย                                        
เขานิมนต์ ให้ไป  บรรยาย                                             แต่สุดท้าย  เผ่นกลับ สู่บัสFour (๔)                              
ระหว่างทาง  กลางวิถี มีปัญหา                                   ทหารมา  ตรวจเช็ค สเป็ครถ                          
นับเบอร์วัน  คันใหญ่ ใบอนุญาตหมด                          เลยต้องปลด  คนลง  คงไม่นาน                                      
วิ่งมาถึง  ยังสถาน ที่ลานโล่ง                                       ทุกอย่างโปร่ง  ปลอดภัย ไร้ปัญหา                
เข้าห้องน้ำ  ล้านดาว สกาวตา                                      ทั้งไปมา  แสนสนุก หมดทุกข์ใจ                                  
ช่วงนี้ว่าง  ระหว่างทาง จะกล่าวถึง                             เกร็ดเล็กเล็ก  นิดนึง ถึงวิถี                              
เมืองอินเดีย  มีอะไร ที่ดีดี                                             หลายคนที่  มาแล้ว อาจติดใจ                          
เมืองอินเดีย  เมืองใช้หัว ผัวนั่งห้าง                               เมืองขี้ข้าง  ถนน  ไม่สนใจ                              
เมืองเผาอิฐ  ถ่านหิน เมืองไม้ไผ่                                    เมืองของวัว  เป็นใหญ่ นักเลงโต                  
เมืองรถใหญ่ บรรทุก เต็มถนน                                      เที่ยววิ่งขน  สินค้า ทั้งขวาซ้าย                                          
ขนทั้งวัน ทั้งคืน ขนมากมาย                                         ขนไปขาย ทั้งใน และนอกเมือง
เมืองอินเดีย  กว้างใหญ่ แสนไพศาล                             ประชากร  เกือบพันล้าน ท่านเจ้าขา
แถมยังมี  วรรณะ ศักดินา                                             เป็นเมืองน่า  ศึกษา  ค้นคว้าจริง
อินเดียเป็น  เมืองร้อยมุม ร้อยลัทธิ                                ใครดำริ  ไปเห็น เป็นบุญตา
มีแต่สุข  ไร้ทุกขัง พ้นกังขา                                          ก็เพราะว่า  เป็นดินแดน แสนมงคล
โอ้วันนี้  ต้องลาลับ กลับเมืองไทย                                อีกเมื่อไหร่  จะได้มา น่าใจหาย
การเดินทาง  ใช้ตังค์ ตั้งมากมาย                                   แล้วใครเล่า  จะถวาย  คราวต่อไป
เมื่อมีพบ  ก็มีพราก จากกันไป                                      จงทำใจ  นะสหาย ทั้งชายหญิง
โอกาสหน้า  ฟ้าใหม่ ถ้ามีจริง                                        คงได้ซิ่ง  กันใหม่ ไปอินเดีย
การเดินทาง ครั้งนี้ มีคุณจุ                                              เป็นผู้นำเพื่อบรรลุ จุดมุ่งหมาย                                      
จุฬารัตน์ ทราเวล ไปสบาย                                             มีแต่ดี  ไม่มีร้าย สบายใจ
ขอขอบคุณ  ทุกท่าน ที่เมตตา                                       ช่วยนำพา  คณะ ไปสะสม
ได้ให้ทาน  รักษาศีล ได้ชื่นชม                                      ได้ภิรมย์  สมใจ ไปอินเดีย
ได้แนวคิด  ประสบการณ์ ที่พานเห็น                            ทุกเช้าเย็น  เป็นบุญ อุ่นใจเหลือ
ได้สหาย  ที่รัก คอยจุนเจือ                                             คอยเอื้อเฟื้อ  ห่วงใย ซึ้งใจจริง
ก่อนจะจาก ฝากเบอร์ไว้  ให้โทรหา                               เผื่อวันหน้า คิดถึง  ซึ่งความหลัง
เพื่อจะได้  เติมบุญ เติมพลัง                                           เป็นความหวัง  หลังแยก จากกันเอย ฯ.                        
                                                                                                ( โดย พระสงกรานต์ เกิดประวัติ บัส 4 )

.............................................................................................................................................................



ให้คะแนนโพสต์ตามความรู้สึกคุณ

สุดยอด

เศร้า

น่าตลก

แฮปปี้

โกรธ

เบื่อ

ผวา
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของผู้ถูกให้:
ออฟไลน์ niralai

UIDผู้ใช้ลำดับที่ 98

เพศ : ไม่ระบุเพศ

 โพสต์ : 10

 สำคัญ : 0

 เงิน : 18 (บาท)
 ความดี : 16 (แต้ม)
 เครดิต : 10 (แต้ม) [เติม]
 จิตพิสัย: 4 (แต้ม)
เหรียญ

ดูเหรียญทั้งหมด

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ ลิงก์โพสนี้   โพสต์เมื่อ: 2013-11-11 08:04:13: 2013-11-11 จำนวนผู้เข้าชม: 4101 ท่าน
กลอนแปดต้องมีสัมผัสระหว่างบทด้วยขอรับ
ออฟไลน์ watkaeng

UIDผู้ใช้ลำดับที่ 6

เพศ : ชาย

 โพสต์ : 2068

 สำคัญ : 0

 เงิน : 2020 (บาท)
 ความดี : 1047 (แต้ม)
 เครดิต : 2061 (แต้ม) [เติม]
 จิตพิสัย: 997 (แต้ม)
เหรียญ

ดูเหรียญทั้งหมด

เฉพาะตอบกลับของผู้โพสต์ ลิงก์โพสนี้   โพสต์เมื่อ: 2013-11-02 15:52:06: 2013-11-02 จำนวนผู้เข้าชม: 4101 ท่าน



คุณสุดยอดมากครับ
กล่องตอบกลับด่วน
จำกัด255 ตัวอักษร
ขี้เกียจตอบหรือเปล่า ใช้ตรงนี้สิ!!
สามารถอัพโหลดไฟล์แนบ สำหรับโพสได้
 
ถอยกลับ ถัดไป