ใจความการแสดงพระธรรมเทศนาในเฟสพระอาจารย์วาริน จกฺกรตโนมีใจความดังนี้....
.....
เมื่อออกพรรษาแล้วก็เข้าสู่กาลทานคือเวลาแห่งการทำทานอันยิ่งใหญ่คือการทอดกฐินที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาติไว้เป็นเวลา ๑ เดือนคือตั้ืงแต่ แรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ไปจนถึง ขึ้น ๑๕ เดือน ๑๒ ชาวพุทธทั้งหลายก็จะขวนขวายกันทอดกฐิน หรือไปร่วมอนุโมทนาบุญกับเจ้าภาพกฐินตามวัดต่าง ๆ หลายคนหน้าชื่น ตาบาน ยินดีปรีดากับการทอดกฐินตามวัดต่าง ๆ เรียกว่า สนุกกับการทำบุญ แต่เราก็ต้องรู้ขอบเขต ขอบข่ายของการทำบุญทอดกฐินด้วย เพราะการทอดกฐินเป็นบุญใหญ่เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่างคือ..๑. จำกัดกาลเวลา คือ ต้องถวายภายในเวลาจำกัด ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ รวมเวลา ๒๙ วันเท่านั้น จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กาลทาน๒. จำกัดชนิดทาน คือ ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น ผู้ถวายจะเจาะจงถวายแก่รูปนั้นรูปนี้แบบปาฏิบุคลิกทานเหมือนการถวายของอย่างอื่นไม่ได้ เมื่อคิดจะทำบุญใหญ่ก็ต้องมีใจเปิดกว้างไม่เจาะจงพระรูปใด เมื่อพระสงฆ์อปโลกแล้ว จีวรนั้นจะตกที่รูปใด ก็ยินดีโอเค อนุโมทนา๓. จำกัดคราว คือแต่ละวัดจะรับกฐินได้เพียงปีละ ๑ ครั้งเท่านั้น นี่เป็นที่รู้กันเพราะงานทอดกฐินนั้นเป็นงานใหญ่รู้กันทั่ว๔. จำกัดผู้รับ คือ พระผู้จะลงรับกฐินได้จะต้องจำพรรษาอยู่ที่วัดนั้นครบไตรมาสไม่ขาดพรรษา และต้องมีจำนวนตั้งแต่ ๕ รูปขึ้นไป ข้อนี้สาธุชนต้องทราบ ว่าพระถ้าไม่ครบ ๕ รูปแล้วนิมนต์วัดอื่นมาร่วมรับกฐินนั้นไม่ได้ และถ้ามีพระในจำนวน ๕ รูปขาดพรรษาก็รับไม่ได้เช่นกัน๕. จำกัดงาน คือ พระผู้รับกฐิน เมื่อรับผ้ากฐินมาจากเจ้าภาพแล้ว จะต้องทำการกรานกฐินให้แล้ว เสร็จภายในวันนั้นจะเลื่อนไปเป็นวันรุ่งขึ้นหรือวันอื่นๆ ไม่ได้๖. จำกัดของถวาย คือ ของถวายต้องเป็นผ้าผืนใดผืนหนึ่งในจำนวนไตรจีวรเท่านั้น นอกนั้นจัดเป็นบริวารกฐินทั้งหมด แม้ว่า สมัยนี้จะไปเน้นบริวารหมายถึงเงินเป็นส่วนมาก แต่ก็อย่าให้มีความสำคัญกว่า ผ้า ตามหลักของพระวินัย ซึ่งบางวัดก็เน้นเงินจนเกินงาม ซึ่งสาธุชนพึงรู้เอง พิจรณาตามควร๗. กฐินทาน เป็นพุทธประสงค์โดยตรงเพระาเห็นความลำบากของพระภิกษุเมืองปาเฐยย ๓๐ รูป จึงอนุญาติการทอดกฐิน๘.ทานอย่างอื่นได้อานิสงส์เฉพาะผู้ถวายแต่กฐินได้อานิสงส์ทั้งทายกผู้ถวายและปฏิคาหกคือพระภิกษุผู้รับถวายและอนุโมทนากฐินนั้น......ซึ่งการที่สาธุชนได้ทำได้ตามกรอบ ขอบเขตนี้ได้ก็จะได้อานิสงค์มากมาย เหมือนกับติณบาลที่ได้เอาเสื้อผ้าตนไปขายในตลาดเพื่อนำเงินไปซื้อเข็มด้าย ร่วมอนุโมทนาบุญกับสิริธรรมเศรษฐีในสมัยกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเหตุให้ไม่พบเจอทุคติเลย และยังมีอานิสงค์มากมายของการเป็นเจ้าภาพ หรือร่วมอนุโมทนาบุญกฐิน เมื่อเรามองเรื่องกฐินแปลกไปจากผ้าไปเป็นเงินมากเกินไป ก็จะทำให้บางวัดเองก็ไม่มีเจ้าภาพกฐินก็ได้ เพราะเงินไม่มี เศรษฐิจไม่ดี ทอดแล้วสู้เจ้าภาพทอดวัดอื่นไม่ได้ แต่็น่าอนุโมทนากับเจ้าภาพที่นำจตุปัจจัยมากมายเป็นหมื่น เป็นแสน มาถวายวัดเป็นเจ้าภาพหรือร่วมอนุโมทนาถ้านำเงินเหล่านั้นไปซื้อของอย่างอื่นก็จะมีของเหล่านั้นใช้สอย แต่เพราะศรัทธา เพราะเชื่อเรื่องบุญ กรรม จึงนำมาทำฝังไว้ในพระศาสนากลั่นกลายเป็นอริยทรัพย์ติดตัวตามตนไปทุกฝีก้าว จึงเป็นส่ิงที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง............ใจความส่วนหนึ่งของการแสดงพระธรรมเทศนาอานิสงค์การทอดกฐิน ซึ่งชาวพุทธเองต้องศึกษาให้มากในเรื่องนี้ เพราะความสมบูรณ์แห่งบุญ