|
|
 ลองนึกถึงความหอมหวานสีทองใส ภาพของ "น้ำผึ้ง" คงปรากฏขึ้นมาในความคิด เพราะความหวานละมุนนั้นนอกจากจะหอมหวนชวนดื่มด่ำแล้ว ยังมีสรรพคุณมากมาย ที่นับเป็นสิ่งอัศจรรย์ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น ผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารบำบัด เกศกนก สุกแดง นักวิชาการโภชนาการ โรงพยาบาลศิริราช สบโอกาสเหมาะขอแนะนำวิธีการใช้น้ำผึ้งให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุดนักวิชาการโภชนาการ เกศกนก เล่าว่า ปัจจุบันมนุษย์ใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน เลือกแต่สิ่งที่ดีมีประโยชน์ที่สุดสำหรับร่างกาย จึงมีอาหารเสริมต่างๆ มากมายเกิดขึ้น เพื่อมาเสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่หากจะมองให้ลึกถึงความต้องการของร่างกายจริงๆ เพียงแค่เลือกรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ใน 3 มื้อ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดต่อร่างกายแล้ว แต่ด้วยภาวะสังคมที่เร่งรีบ อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน “อาหารบำบัด” จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มาช่วยเติมเต็ม"น้ำผึ้งเป็นสารที่ให้ความหวานแทนน้ำตาล และมีสรรพคุณทางยาที่ได้จากน้ำหวานของดอกไม้ ประกอบด้วย น้ำตาลซูโครส กลูโคส ซึ่งจะสร้างและปล่อยเอนไซม์ที่ชื่อว่าอินเวอร์เทส ลงไปในน้ำหวานที่เก็บมาจากดอกไม้ ก่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนโครงสร้างทางกายภาพ และโครงสร้างทางเคมีของน้ำหวานจากดอกไม้ นอกจากนี้ในน้ำผึ้งยังประกอบไปด้วยวิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม และแร่ธาตุต่างๆ ช่วยบำรุงสุขภาพ และมีสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายด้วย" เกศกนกกล่าวพร้อมกับบอกด้วยว่า สรรพคุณของน้ำผึ้งจะมีคุณสมบัติมากมายจนน่าอัศจรรย์ใจ แต่หลายๆ คนอาจเกิดปัญหาว่าจะดึงนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร บางคนเลือกกินเพียวๆ ซึ่งไม่ควรที่จะกินเปล่าๆ เพราะในน้ำผึ้งจะมีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 1.6 เท่า จะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าก่อให้เกิดประโยชน์ จึงควรนำมาเจือจางผสมในอาหารหรือเครื่องดื่ม จะทำให้ได้คุณค่าดีที่สุด และยังช่วยเพิ่มรสชาติอีกด้วย
|
