|
หลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่า วิธีการจัดการชีวิตและจิตใจ (สะสางสังสารวัฏ)เมื่อธรรมะเป็นวิธีในการจัดการชีวิตจิตใจก็เหมือนกับหลักการ วิธีจัดการอะไรต่าง ๆ ทั่วไป ๆ นั่นเองถ้าคุณไม่เข้าใจ ไม่นำมาใช้ ก็แค่นั้น ไม่เกิดประโยชน์อะไร ๆ เลย เหมือนวิธีการปลูกมะนาวให้ได้ผลผลิตดีดี ถ้าไม่เข้าใจ ไม่นำมาใช้ ก็ไร้ประโยชน์ เสียแรงทำไร่เปล่า เพราะผลผลิตก็เท่าเดิมไม่คุ้มค่าเหนื่อย บ่อยครั้งที่ชาวพุทธเอง ไม่ค่อยใส่ใจในวิธีการสักเท่าไหร่ ทำบุญกี่ครั้ง ใจตนก็ไม่พัฒนา ยังทุกข์เหมือนเดิม ยังทำผิด ยังทำบาปเหมือนเดิม เมื่อผลของบาปให้ผล ก็ร้องไห้ ตีอกชกตัว ว่าทำไม...บุญไม่ช่วย ก็เพราะคุณไม่เข้าในวิธีการ การทำบุญ น่ะซิ.... ทำบุญเพราะหลง ทำบุญไม่เต็มที่ ไม่สมบูรณ์ ไม่ใส่ใจในวิธีการนั่นเอง เพราะในบุญเอง พระท่านก็สอนอยู่แล้ว ในขั้นทาน ฝึกให้ ฝึกเอื้อเฟื้อ ฝีกสร้างมิตร ฝึกความไม่โลภ ไม่เห็นแก่ตัว ถ้าคุณยังให้ทาน แต่ไม่เอื้อเฟื้อ ยังโลภมาก ทำบาปคดโกง คอรั่ปชั่นอยู่ เห็นแก่ตัวอยู่ ในขั้นทาน คุณก็ไม่ผ่าน ในขั้นศีลคือฝึกควบคุมตนเอง ไม่ให้ทำบาป สร้างกรรม ควบคุมตนเองอยู่ในกรอบความดีงาม คนมีศีลต้องมีเมตตาปราณีรักใคร่คนอื่น ไม่ทำลายเบียดเบียนชีวิต ทรัพย์สิน ของรัก ดีสเครดิต สร้างความลำคาญแก่คนอื่น หากคุณสมาทานทุกครั้ง แต่ไร้เมตตา คุณก็ไม่ผ่าน ในขั้นภาวนาคือ เคล็ดวิชาสุดยอดในพระพุทธศาสนาในการจัดการจิตใจ แล้วชีวิตจะดีเพราะใจเป็นาย กายเป็นบ่าว ใจฟุ้งซ๋านเป็นทุกข์ ใจยึดติดอุปาทานนั้นทรมานต้องทำใจให้สงบและฉลาดรู้จักปล่อยวางด้วยภาวนา แต่ถ้าคุณภาวนานิดหน่อยๆ เอาพอเป็นพิธี ภาวนาเอาเลข ภาวนาเอาสวรรค์ เอาความขลังโชคลาภโชคดี แค่นี้คุณก็ไม่ผ่าน ......เมื่อคุณไม่ผ่านในทาน ศีล ภาวนา นั่นแสดงว่า "คุณไม่เข้าใจในวิธีการ"ในการจัดการชีวิต แม้คุณจะทำบุญทั้งชีวิต บุญก็ไม่ช่วย ก็ทุกข์ฟูมฟายน้ำตาอยู่อย่างนั้น เอาใจใส่ในธรรมะเหมือนคนเอาใจใส่ธุรกิจการทำงานของคุณที่ต้องการผลลัพย์ซิ แล้วทำไป ศึกษาไป ตรองตรวจสอบไป แล้วคุณก็จะได้ เหมือนปลูกมะนาวอย่างเอาใจใส่........
|