|
วันนี้พร้อมกันก็เปิดเรียน จริงแล้ว กำหนดการเปิดตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อวานบุคคลากรยังไม่พร้อม วันนี้พร้อมก็เลยได้เปิดเรียน พรรษานี้เอาสถานที่ข้างๆ ศาลาเก่า ๆ นี้เป็นที่เรียน เพราะมีนักเรียนไม่มาก ทั้งตรี โท เอก มีแค่นี้ ตรีมี ๔ รูป หลวงพ่อติดธุระไม่ว่าง เลยให้พระอาจารย์วาริน จกฺกรตโน มาเปิด ให้โอวาทแทน ท่านได้พูดดังนี้.... .........คนโบราณบวชเรียน จึงได้ชื่อว่า เป็นคนสุก คือเป็นบัณฑิต ๆ หมายถึงคนที่รู้ดี รู้ชั่ว รู้บาป รู้บุญ รู้คุณ รู้โทษ รู้ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ จึงเป็นบัณฑิตคนเป็นบัณฑิตทางพระศาสนามิใช่คนจบปริญญา แต่หมายถึงคนรู้ดี รู้ชั่วนั่นเอง(เพราะบางคนที่จบปริญญาก็ยังไม่ใช่บัณฑิตตามแนวทางพระศาสนา) คนรู้ดี รู้ชั่วแล้ว จึงเป็นคนสุก คือเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีความรับผิดชอบ แล้วการเรียนพระธรรมวินัยถือว่า เป็นวิชาที่ที่จะทำให้เป็นคนสุกหรือเป็นบัณฑิตจริง หรือเป็นพระที่แท้จริง เป็นพระที่สมบูรณ์ เพราะถ้าไม่รู้ธรรมวินัย ก็ปฏิบัติไม่ถูก เป็นพระไม่สมบูรณ์ หรืออาจจะเป็นเหตุให้ผิดพระวินัยอย่างร้ายแรง ทำให้นาบุญของผู้ทำบุญไม่สมบูรณ์ แล้วยังมีธรรมะวิภาค คิหิปฏิบัติที่จะเรียนแล้วนำไปใช้เมื่อลาสิกขาได้อีก ที่สำคัญขอให้มีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนธรรมะ จะเป็นประโยชน์ติดตัวตามตนไปถึงชาติหน้าได้เหมือนค้างคาว ๕๐๐ ตัวที่ฟังพระสาธยายอภิธรรม มีทัศนคติที่ดีต่ออภิธรรมจึงได้ไปสวรรค์ ในชาติปัจจุบันก็มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วได้บรรลุธรรม เราทั้งหลายมาไกลกว่าค้างคาวมากนักเพราะเราเกิดเป็นมนุษย์แล้ว และได้บวช แต่ถ้ามีทัศนคติที่ไม่ดีต่อพระธรรมวินัยที่เรียน ว่า น่าเบื่อ เรียนทำไม บวชเหมือนติดคุก ก็เหมือนโอ่งที่ถูกปิดฝา เรียนไปยังงั้น จำต้องเรียน ก็จะไม่ได้อะไรเลย ดีไม่ดีอาจจะสร้างบาปโดยไม่รู้ตัวอีกที่ลบหลู่พระธรรมของพระพุทธเจ้า.......... .......หลังจากนั้นพระมหาสงกรานต์ สุปภาโสก็ให้ข้อคิด นัดแนะการเรียน พระเอก กตสาโร เลขาฯก็วางหน้าที่ต่าง ๆ แล้วประเดิมด้วยการสอนของพระอมรกาญจน์ ในวิชาพระวินัย.....
|